กินอย่างไรให้ผอม
ที่มา : Ladytip.com

คนอ้วนที่อยากผอมเร็วๆ มักจะใช้วิธีเดินเข้าคลีนิกลดความอ้วน ใช้ยาลดความอ้วน ซึ่งก็ได้รับผลที่ตามมาอย่างแสนสาหัส เพราะผอมลงจริงๆ ทันตาเห็นแต่ก็จะผอมอยู่ไม่นานแล้วก็จะกลับมาอ้วนอีกเหมือนเดิมหรืออ้วนกว่าเดิมด้วย นั่นเป็นเพราะแก้ปัญหาไม่ถูกวิธี แก้ที่ปลายเหตุ ไม่ได้แก้กันที่ต้นเหตุ ซึ่งก็คือนิสัยการกินนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้นหลายๆ คนยังได้รับผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจตามมาอีกมากมาย ซึ่งไม่คุ้มค่ากันเลย

เรากลับมาแก้ไขปัญหากันที่ต้นเหตุกันดีกว่าค่ะ ก็คือแก้ไขนิสัยการกินของเราเนี่ยแหละค่ะ หยุด! อย่าเพิ่งบอกว่ามันยาก ทำไม่ได้นะคะ เรามีเคล็ดลับที่จะช่วยคุณให้สามารถแก้ไขนิสัยการกินนี้ได้ค่ะ ซึ่งต้องใช้ 3 ส่วนร่วมกันก็คือ ให้กำลังใจตนเองค่ะ รู้วิธีกินอย่างถูกต้อง และออกกำลังกายค่ะ

ให้กำลังใจตนเอง

ต้องรีบทำลายวงจร ยิ่งกิน-ยิ่งอ้วน-ยิ่งอ้วน-ยิ่งกิน ให้ได้เสียก่อนค่ะ ขั้นแรก เมื่อคุณตื่นเช้ามาให้ส่องกระจกบานใหญ่ๆ เลยค่ะ สำรวจรูปร่างตัวเอง แล้วให้สัญญากับตัวเองเลยว่าฉันจะต้องมีรูปร่างที่ดีขึ้นให้ได้ บางคนอาจนำรูปดารานางแบบที่สวยๆ มาติดไว้เพื่อเป็นกำลังใจก็ได้ค่ะ ว่าฉันจะต้องมีรูปร่างสวยแบบนี้ให้ได้ หรือบางคนอาจจะเอารูปป้าอ้วนๆ แก่ๆ ที่เดินก็ไม่ค่อยจะไหว ใส่เสื้อผ้าก็โทรมๆ เก่าๆ มาเป็นอุทาหรณ์ให้ตัวเองว่าฉันจะต้องไม่เป็นแบบนี้เด็ดขาดก็ได้นะคะ แล้วแต่ใครใช้แบบไหนได้ผล มาถึง ขั้นตอนที่ 2 คือหลังจากมืออาหารทุกครั้งมักจะเกิดอยากทานอาหารขึ้นมาอีก (ปกติของคนอ้วนล่ะค่ะ) ให้ถามตนเองว่า "จำเป็นต้องกินอีกจริงๆ หรือ" "ไม่กินได้มั้ย" ถ้าทำได้บ่อยๆ ต่อไปจะเกิดความกระดากใจและเลิกกินไปได้เองในที่สุด เพราะการกินจุบจิบหลังอาหารเนี่ยแหละ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้อ้วนง่ายที่สุด เพราะการกินจุบจิบนั้นจะเป็นพลังงานส่วนเกินซึ่งถูกนำไปสะสมเป็นไขมันทันที!! " ทุกๆ 250 แคลอรี่ที่ร่างกายได้รับเกินหรือเท่ากับพลังงานจากมันฝรั่งทอด 1 ถุง หรือไอศกรีม 1 ก้อน หรือช็อกโกแลต 1 แท่ง จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม 34 กรัม 1 เดือนจะเพิ่ม 1 กิโลกรัม" ดังนั้นต้องหาทางลดอาหารว่างหลังมื้ออาหารให้ได้ ขั้นตอนที่ 3 คือกำหนดจิตใจว่า "น้อยเหมือนมาก" ทุกครั้งที่ตักอาหารเข้าปากให้คิดในใจเดือนตนเองให้ได้ว่าอาหารคำนี้จะกลายเป็นคำใหญ่ ทำให้อ้วนขึ้นได้ในเวลาไม่นาน แล้วเคี้ยวอาหารคำนั้น (ทุกคำ) อย่างช้าๆ ( ทำให้อิ่มเร็วและทานได้น้อยลงด้วย) ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะรู้สึกว่าการทานอาหารเป็นเรื่องที่ยากขึ้น ขั้นตอนสุดท้าย คือมาปลอบใจท้ายวัน เพราะว่าเพียงวันเดียว ยังไม่สามารถผอมลงได้อย่างทันตาเห็นหรอก หลายคนก็จะท้อแท้ ดังนั้น จะต้องไปยืนหน้ากระจกเช่นเดียวกับตอนเช้า และพูดว่า " น้ำหนักตัวลดไม่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว จะต้องค่อยๆ ลด พรุ่งนี้ต้องพยายามต่อไปอีกเรื่อยๆ น้ำหนักก็จะลงในที่สุด" ทำเช่นนี้เพื่อป้องกันการท้อแท้เลิกลดอาหารเสียก่อนนั่นเอง ในขั้นตอนการให้กำลังใจตนเองสำคัญที่สุดเพราะการลดน้ำหนักนี้จะสำเร็จได้หรือไม่ขึ้นกับตัวเราเองเป็นสำคัญ ถ้าเรายอมแพ้ไปซะก่อนก็จะไม่สำเร็จอย่างแน่นอน

เรียนรู้วิธีกินอย่างถูกต้อง

เมื่อจิตใจมั่นคงแล้วจะต้องเรียนรู้ว่าอาหารใดให้ประโยชน์กับเราบ้าง หลายคนเชื่อว่าการไม่ทานอาหารที่มีไขมัน ไม่ทานกะทิ แต่ทานแต่ผักกับโยเกิร์ตจะทำให้ผอมลงได้ แต่ก็ยังไม่เห้นลดได้ซะที ซ้ำยังสุขภาพแย่ลงกว่าเดิมด้วย เพราะนั่นเป็นการเข้าใจผิดๆ ค่ะ การรับประทานอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งน้อยเกินไปจะมีผลทำให้สัดส่วนของอาหารอีกอย่างมากไปโดยอัตโมัติ ( เพราะร่างกายต้องการสารอาหารที่มีสัดส่วนพอเหมาะในการทำปฏิกิริยาในร่างกาย หากมีส่วนใดที่มากไปก็จะเหลือเก็บเป็นไขมันได้) การทานอาหารที่ถูกต้องคือทานให้ครบ 5 หมู่ จะขาดหมู่ใดหมู่หนึ่งไม่ได้ การรับประทานมากเพียงหมู่เดียวไม่ใช้วิธีที่ถูกต้อง บางคนทานแต่ผัก หรือธัญพืชอย่างเดียวโดยลดการทานอาหารประเภทอื่นหมด วิธีที่ถูกต้องคือ ลดปริมาณอาหารแต่ละมื้อลงแต่ยังคงทานครบทุกส่วน วิธีนี้จะทำให้น้ำหนักลดและร่างกายไม่อ่อนแอด้วย และพฤติกรรมอีกอย่างที่ต้องเปลี่ยนก็คือ อาหารเช้าควรเป็นมื้อหนัก ไม่ใช่อาหารเย็น มื้อเย็นควรเป็นอาหารเบาๆ และห้ามทานมื้อดึกเป็นอันขาด!!! ถ้าติดของขบเคี้ยวให้เตรียมเป็นแครอท กะหล่ำปลี แตงกวา หั่นป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ตู้เย็นไว้ทานแทนพวกมันฝรั่งทอดดีกว่า

การออกกำลังกาย

หลายคนหาข้ออ้างสารพัดว่าไม่มีเวลา ไม่มีที่จะออกกำลังกาย เหล่านี้เป็นข้องอ้างที่ปิดบังความจริงที่ว่า "ขี้เกียจ" ออกกำลังกายนั่นเอง เพราะแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ลองมาเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ดีกว่า ลองออกกำลังกายที่สนุกๆ ด้วยการเปิดเพลงไปด้วยแบบเต้นแอโรบิกก็ได้ เดี๋ยวนี้มีท่าเต้นออกกำลังกายที่ทำให้สนุกสนานมากมายเช่น การออกกำลังกายกึ่งๆ การฝึกการต่อสู้ หรือ Combat หรือแบบที่แตกแขนงออกมาจกโยคะก็มีเช่น ชิบอล เป็นต้น ลองหาคอร์สการออกกำลังกายที่สนุกๆ ใหม่ๆ ทันสมัย และลองหาเพื่อนไปเล่นด้วยกันจะได้ผลกว่าเล่นคนเดียวด้วยค่ะ

ทั้ง 3 สิ่งนี้จะต้องประสานกันให้ได้ ทำอย่างสม่ำเสมอไปพร้อมๆ กัน เมื่อน้ำหนักตัวลดลงแล้วก็จะต้องคงน้ำหนักไว้เช่นนี้ไม่ให้เพิ่มขึ้นมาอีกระยะหนึ่ง ( เป็นเดือนค่ะยิ่งอายุเยอะเท่าไหร่ยิ่งนานค่ะ เพราะร่างกายยืดหยุ่นไม่ไดีเท่าเด็กๆ) ให้ร่างกายได้ปรับตัวอยู่เช่นนั้น แล้วจึงหยุดได้ ( แต่ยังใช้นิสัยการกินอันใหม่นะคะ) แต่ถ้าหากว่ากลับไปตามใจปากเหมือนเดิม น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นได้อีกไม่ยากเช่นกันค่ะ